วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2553

ประวัติม้าไทย


ประวัติม้าไทย


ม้าเป็นสัตว์ที่คนนำมาเลี้ยงไม่ต่ำกว่า ๕,๐๐๐ ปีมาแล้ว ม้าจึงเปรียบเหมือนสมาชิกภายในบ้าน เป็นทั้งผู้รับใช้ และเป็น ทั้งเพื่อนไปในตัว ม้าเป็นสัตว์ตระกูลสูงที่มีประโยชน์ทั้งในเวลา ปกติและในเวลาสงคราม สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้รักษาเอกราชและความเป็นไท ของชาติไทยไว้ให้กับคนรุ่นหลัง ก็ได้อาศัยม้าไว้เป็นเครื่องมือ สำคัญในการขี่ออกรบ เพราะในสมัยก่อนไม่มียวดยานพาหนะ
และทางคมนาคมก็ไม่สะดวกอย่างในสมัยนี้
พันธุ์ม้า มีอยู่ประมาณ ๑๗๐ พันธุ์ แบ่งออกเป็น ๒ กลุ่ม คือ ม้าและโพนี่ โดยใช้ความสูงเป็นตัว แบ่ง ถ้าสูงกว่า ๑๔.๒ แฮนด์* เรียกว่าม้า ส่วนที่ต่ำกว่า ๑๔.๒ แฮนด์ เรียกว่า โพนี่ กลุ่มที่เรียกว่าม้า ยังแบ่งออกเป็น ๒ ชนิด คือ ม้างานและม้าขี่ ม้างานอาจเรียกว่าม้าเลือดเย็น ม้าขี่ เรียกว่า ม้าเลือดอุ่น


แต่ทั้งม้าเลือดเย็นและม้าเลือดอุ่น ต่างก็มีอุณหภูมิร่างกายเท่า กัน คือ ๑๐๐.๕ องศาฟาเรนไฮต์ หรือ ๓๘ องศาเซลเซียส
ม้าใช้งานจะมีรูปร่างใหญ่ แข็งแรง ลำตัวหนาเหมือนวัว นิสัย สงบเงียบ ส่วนม้าใช้ขี่รูปร่างเพรียว กระดูกสมส่วน นิสัย คล่องแคล่วว่องไว รูปร่างของม้าโพนี่ที่ดี เมื่อดูแล้วจะต้องได้ สัดส่วนและสมดุลเราอาจสังเกตดูนิสัยม้าได้จากนัยน์ตาม้า ถ้าตาเล็กนิสัยจะไม่ดี โดยธรรมชาติม้าจะมีนิสัยตื่นตกใจง่าย
ดังนั้น เราจะต้องเข้าหามันด้วย ความนุ่มนวล เมื่อม้าทำผิด เราจะต้องทำโทษทันที มิฉะนั้น มันจะจำไป ตลอดและลืมยาก แต่เมื่อทำดีเราจะต้องชมโดยตบที่คอเบาๆ นิสัยไม่ดีของม้าใช่มีมาแต่กำเนิด แต่เกิด จากสิ่งแวดล้อมในภายหลัง เราสามารถจะแก้ได้โดยอาศัยคนเลี้ยง คนเลี้ยงม้าที่ดีจะต้องเป็นคนเงียบ เรียบร้อย มีความเมตตาต่อสัตว์ ไม่ลุกลี้ลุกลน ทำอะไรต้องสม่ำเสมอและมั่นคง


ม้าที่ใช้งานในประเทศ ในปัจจุบันมี ๓ ชนิด
๑. ใช้ในกิจการแข่งม้าและการกีฬา
๒. ใช้ในกิจการทหาร แบ่งตามลักษณะการใช้งานเป็น ๓ ประเภท
๒.๑ ใช้ในพิธีแห่นำตามเสด็จ
๒.๒ ใช้ในการฝึกสอนทหาร
๒.๓ ใช้ในการขนส่งอุปกรณ์ทางทหารในพื้นที่ฯ ที่ยานพาหนะทางบกอื่นๆ กระทำได้ยาก โดยใช้ทั้งม้าและล่อ (ล่อ : เป็นสัตว์ที่เกิดจากการผสมของม้าและลา เป็นสัตว์ที่มีความแข็งแรง ฉลาดและอดทน)
๓. ใช้ในกิจการผสมพันธุ์ เพื่อขายเป็นม้าแข่ง ได้แก่ การทำฟาร์มม้าพันธุ์ดี


ม้าใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เป็นต้นว่า ใช้ขี่ บรรทุก ลากเข็นเทียมรถ และใช้ในการสงคราม ปัจจุบันบ้านเมืองเจริญ ขึ้น สะดวกสบายในการใช้รถใช้ถนน การใช้ม้าจึงลดลงเหลือแต่ ใช้ขี่เพื่อการกีฬา ความเพลิดเพลิน ใช้เข้าร่วมในพิธีสำคัญๆ บางอย่างเพื่ออนุรักษ์ของเดิมไว้และใช้ในการแสดงละครสัตว์ ในประเทศไทย ภาคเอกชนเลี้ยงม้าไว้เพื่อการกีฬา
เช่น กีฬาแข่งม้า กีฬาโปโล กีฬาขี่ม้าข้ามเครื่องกีดขวางขี่เพื่อความบันเทิงและเลี้ยงเพื่อขยายพันธุ์ม้าดี ไว้จำหน่าย ภาครัฐบาลเลี้ยงม้าไว้ฝึกใช้ในกิจการทหารม้าและตำรวจม้าเพื่อเข้าร่วมพิธีต่างๆ ที่สำคัญ ม้าทหารยังใช้ในการฝึกสอนการขี่ม้าให้แก่ทหาร และใช้ผสมพันธุ์กับลาเพื่อผลิตล่อ*

ใช้บรรทุกสิ่งของสัมภาระในที่ทุรกันดารหรือภูเขาที่ทางรถยนต์ เข้าไปไม่ถึง สภากาชาดไทยเลี้ยงม้าไว้ใช้ในการผลิตวัคซีน เซรุ่ม
ส่วนใหญ่เราใช้ม้าเพื่อวิ่ง ดังนั้น สิ่งสำคัญของม้าคือ ขาความอดทน แข็งแรงของขาและเท้าของม้าจะต้องตั้งตรง มีมุมของเท้าที่เหมาะสม ม้าขายาวจะเล็กไม่มั่นคงเวลายืน
หรือวิ่ง ขาหลังเหมือนเครื่องยนต์ ในการส่งกำลังดันตัวม้าไปข้างหน้า ส่วนขาหน้าซึ่งติดกับร่างกายด้วย กล้ามเนื้อและเอ็น จะเป็นตัวลดแรงกระแทก ไหล่ม้าควรจะยาว ลาดเอียง ถ้าไหล่ตรงจะวิ่งไม่ทน อกต้อง ลึก กว้าง และมีกล้ามเนื้อ กระดูกซี่โครงยืดหยุ่นได้ดี เพื่อให้พื้นที่สำหรับหัวใจและปอดทำงานได้เต็มที่


ถ้าอกตื้น ขาลีบ ปอดม้าจะทำงานไม่เต็มที่ หลังจะต้องตรง กว้าง แข็งแรง ม้าหลังสั้นจะขี่สบาย แต่วิ่งไม่เร็ว ม้าหลังยาวจะไม่แข็งแรง ม้าคอยาวจะแข็งแรง ได้สัดส่วนในการรับศีรษะ ถ้าม้าคอหนาเหมือนคอแกะ จะเอี้ยวคอไม่สะดวก หน้าม้าจะต้องกว้าง ถ้าหน้าแคบ ช่องลมหายใจจะเล็ก รูจมูกต้องกว้าง เพื่อให้ลมผ่านเข้าออกได้สะดวก
หูจะต้องใหญ่ และตอบสนองต่อเสียงได้ดี ม้าที่สะบัดหูไปมาบ่อยครั้งจะเป็นม้าที่ตื่นกลัวง่าย ม้าที่หูลู่ไปข้างหลังมากจะเป็นม้าที่ดุร้าย นัยน์ตาม้าจะต้องดูแจ่มใส มีแววของความเป็นมิตร ม้าที่ตาเล็ก ตาคล้ายเหยี่ยว จะเป็นม้าที่นิสัยไม่ดี เมื่อเราดูแต่ละจุดของตัวม้า แล้วก็ดูทั้งตัว ม้าจะต้องดูแข็งแรง กลมกลืนกันทุกส่วน สุดท้ายก็ดูการเคลื่อนไหว ขาต้องตรง และเคลื่อนไหวอย่างมีจังหวะ

ภูเขาไฟ





ภูเขาไฟ




เมื่อพูดถึงภูเขาไฟ คนทั่วไปมักนึกถึงภูเขาไฟชนิด Composite Cone Volcano หรือที่รู้จักกันในชื่อ Stratovolcano ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่มีความสวยงามที่สุดในโลก ลักษณะของ Composite Cone จะใหญ่ มีความสมมาตร ทำให้ถ่ายภาพออกมาแล้วสวยงาม ส่วนใหญ่ภูเขาไฟชนิดนี้จะมีส่วนยอดปกคลุมด้วยหิมะ ที่ความสูงกว่า 2500 ม. ที่มีชื่อเสียงรู้จักกันดีได้แก่ภูเขาไฟฟูจิ (Mt Fuji) ในญี่ปุ่น ภูเขาไฟมายอน (Mt Mayon) ในประเทศฟิลิปปินส์ และภูเขาไฟเซนต์เฮเลนในประเทศสหรัฐฯ ภูเขาไฟชนิด Composite Cone นี้มักพบในเขต “Ring of Fire” ที่ล้อมรอบมหาสมุทรแปซิฟิก


การเกิดภูเขาไฟ

เกิดจากหินหนืดที่อยู่ใต้เปลือกโลกถูกแรงดันอัดให้แทรกรอยแตกขึ้นสู่ผิวโลก โดยมีแรงปะทุหรือแรงระเบิดเกิดขึ้น สิ่งที่พุ่งออกมาจากภูเขาไฟเมื่อภูเขาไฟระเบิดก็คือ หินหนืด ไอน้ำ ฝุ่นละออง เศษหินและแก๊สต่างๆ โดยจะพุ่งออกมาจากปล่องภูเขาไฟ (หินหนืดถ้าถูกพุ่งออกมาจากบนพื้นผิวโลกเรียกว่า ลาวา แต่ถ้ายังอยู่ใต้ผิวโลกเรียกว่า แมกมา)
บริเวณที่มีโอกาสเกิดภูเขาไฟ แนวรอยต่อระหว่างเพลตจะเป็นบริเวณที่มีโอกาสเกิดภูเขาไฟได้มากที่สุด โดยเฉพาะบริเวณที่มีการมุดตัวของแผ่นเปลือกโลก ใต้พื้นมหาสมุทรลงไปสู่บริเวณใต้เปลือกโลกที่เป็นส่วนของทวีป เพราะเปลือกโลกแผ่นเปลือกโลกที่มุดตัวลงไปจะถูกหลอมกลายเป็นหินหนืด จึงแทรกตัวขึ้นมาบริเวณผิวโลกได้ง่ายกว่าบริเวณอื่น บริเวณที่อยู่ห่างจากรอยต่อระหว่างเปลือกโลก ก็อาจเกิดภูเขาไฟได้เช่นกัน ซึ่งเกิดขึ้นโดยกระบวนการที่หินหนืดถูกดันขึ้นมาตามรอยแยกในชั้นหิน ตัวอย่างเช่น นักธรณีวิทยาพบว่า บริเวณจังหวัดลำปางและบุรีรัมย์ เคยมีบริเวณที่หินหนืดถูกดันแทรกขึ้นมาตามรอยแยกของชั้นหิน และมีบางแห่ง เกิดการปะทุแบบภูเขาไฟ แต่ไม่รุนแรงมากนัก

ประโยชน์และโทษของการเกิดภูเขาไฟ
ประโยชน์ของการเกิดภูเขาไฟ
1.แผ่นดินขยายกว้างขึ้นหรือสูงขึ้น
2.เกิดเกาะใหม่ภายหลังที่เกิดการปะทุใต้ทะเล
3.ดินที่เกิดจากภูเขาไฟระเบิดจะอุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุต่างๆ
4.เป็นแหล่งเกิดน้ำพุร้อน
โทษของการเกิดภูเขาไฟ
1.เมื่อภูเขาไฟระเบิดจะมีเขม่าควันและก๊าซบางชนิดซึ่งอาจเป็น อันตรายต่อสิ่งมีชีวิตได้
2.การปะทุของภูเขาไฟอาจทำให้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นได้
3.ชีวิตและทรัพย์สินที่อยู่ใกล้เคียงเป็นอันตราย
4.สภาพภูมิอากาศเกิดการเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด

ผลไม้ไทยใช้เป็นยา







ผลไม้.......ยาจากธรรมชาติ





ส้มโอ ( Pomelo )


ในส้มโอมีสารเพกทิน ( Pectin ) สูง จึงมีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด
อีกทั้งยังมีสารโมโนเทอร์ปีนที่ช่วยในการกวดจับสารก่อมะเร็ง นอกจากนั้น ส้มโอยังมีคุณสมบัติพิเศษ
อีกประการหนึ่ง คือ ช่วยขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยให้เจริญอาหารอีกด้วย


ใบ ใบสดนำมาตำให้ละเอียดแล้วย่างไฟให้อุ่น ใช้พอกบริเวณที่ปวดบวม หรือ
ปวดศรีษะได้

เปลือกผล เปลือกผลของส้มโอ มีน้ำมันหอมระเหยหลายชนิด ใช้เป็นยาขับลม
ขับเสมหะ แก้ท้องอืด แน่นหน้าอก ไอ สามารถใช้เปลือกผลตำพอกฝี และใช้จุดไฟไล่ยุงได้
หรือ หากนำเปลือกผลส้มโอมาผสมกับน้ำผึ้งแล้วนำไปนึ่งรับประทานทุกเช้าเย็น ก็จะช่วยบรรเทา
อาการของโรคหืดได้

เมล็ด ของส้มโอมีสรรพคุณ ช่วยบำรุงกระเพาะอาหารลดอาการปวดบวมของ
ผิวหนัง และยังช่วยลดปริมาณของเสมหะที่มีในลำคอไ้ด้อีกด้วย

ผล ช่วยเจริญอาหาร หากรับประทานเนื้อส้มโอหลังอาหาร จะช่วยให้ระบบย่อย
อาหารทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


มะเฟือง ( Starfruit )

นอกเหนือจากความสวยงามแปลกตาในเรื่องรูปทรงแล้ว ในด้านคุณค่าทางโภชนาการ
มะเฟื่องสุก ยังอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ ฟอสฟอรัส และแคลเซี่ยม ช่วยรักษาอาการ
เลือดออกตามไรฟัน เป็นยาระบายแ้ก้ท้องผูก ช่วยขับเสมหะได้
ในด้านสมุนไพร เราสามารถใช้ส่วนต่างๆ ของมะเฟืองมารักษาโรคได้ดังต่อไปนี้
ผล คั้นเอาแต่น้ำดื่ม จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ ไข้หวัด บรรเทาอาการนิ่ว
ในทางเดินปัสสาวะ ขับนิ่วในทางเดินปัสสาวะ

ช่วยลดอาการร้อนใน ช่วยขจัดรังแค นอกจากนั้นน้ำคั้นจากผลมะเฟื่องยังใช้ลบ
รอยเปื้อนบนมือ เสื้อผ้า และของใช้ต่างๆ ไ้ด้ดีอีกด้วย

ใบ นำมาต้มผสมกับน้ำ กินแก้ไข้ ขับปัสสาวะ ขับระดู หรือหากนำมาบดให้ละเีอียด
พอกบนผิวหนัง จะช่วยลดอาการอักเสบ ช้ำบวบ แก้ผื่นคัน กลากเกลื้อน และอีสุกอีใส

ราก มีฤทธิ์เป็นยาเย็น ต้มกับน้ำ่ช่วยดับพิษร้อน แำก้อาการปวดศรีษะ
ปวดตามข้อต่างๆ ในร่างกาย ปวดแสบในกระเพาะอาหาร แก้อาการท้องร่วง

ดอก นิยมนำมาต้มน้ำดื่มเพื่อช่วยในการขับพิษและขับพยาธิ

หลักการเลี้ยงปลาสวยงาม










หลักการเลี้ยงปลาสวยงาม

วิธีการเลี้ยงปลาสวยงาม
ปลาสวยงามแต่ละชนิดมีความต้องการปัจจัยในการเลี้ยงต่างกัน ดังนั้นหากต้องการให้ปลาที่เลี้ยงมีความสวยงาม แข็งแรง และเจริญเติบโตดีตามต้องการ ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้


1 ภาชนะสำหรับเลี้ยงปลา ปลาสวยงามแต่ละชนิดจะมีความสวยงามมากขึ้น หากเลือกภาชนะในการเลี้ยงได้ถูกต้องเหมาะสม เช่น ปลาคาร์พ และปลาอะราไพม่า เหมาะที่จะเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ภายนอกอาคาร ปลาแรด และปลามังกร เหมาะที่จะเลี้ยงในตู้กระจกขนาดใหญ่และเลี้ยงเพียงตัวเดียวโดดๆ ปลานีออน ปลาก้างพระร่วง ปลาตะเพียนทอง ปลาเสือสุมาตรา ปลาม้าลาย ปลาซิวข้างขวาน ปลาหางนกยูง และปลาสอด เหมาะที่จะเลี้ยงในตู้กระจกขนาดเล็กถึงขนาดกลาง โดยเลี้ยงเป็นฝูงจะยิ่งทำให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น ส่วนปลากัด เหมาะสำหรับเลี้ยงในภาชนะขนาดเล็กเช่นขวดเหลี่ยม หรือขวดโหลรูปทรงต่างๆ


2 สถานที่ คือการเลือกที่สร้างบ่อหรือที่จัดวางตู้ปลา พร้อมอุปกรณ์ประกอบอื่นๆให้เหมาะสมสอดคล้องกับอาคาร หรือลักษณะของห้อง ไม่ว่าจะเป็นบริเวณใด มุมใด หรือห้องใด เพราะเมื่อสร้างบ่อหรือจัดวางตู้เรียบร้อยแล้ว หากเกิดเปลี่ยนใจอยากเปลี่ยนสถานที่ใหม่ จะมีความยุ่งยากในการเคลื่อนย้าย เพราะต้องมีการถ่ายน้ำออกและเคลื่อนย้ายปลา มักมีผลทำให้ปลาบอบช้ำหรือตู้เลี้ยงปลาชำรุดแตกร้าวได้ง่าย โดยเฉพาะหากทำให้ตู้ปลาเกิดการรั่วซึม ก็จะทำให้เกิดปัญหากับบริเวณข้างเคียง หรือการซ่อมแซมตู้อาจทำให้ความสวยงามลดลงได้


3 การรักษาความสะอาดในภาชนะเลี้ยงปลาหรือตู้ปลา ผู้เลี้ยงควรจะทำความเข้าใจวิธีการทำความสะอาดเพื่อกำจัดสิ่งหมักหมม และตะกอนที่ตกค้างอยู่ในระบบกรองน้ำอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเท่ากับเป็นการกำจัดเศษอาหารและมูลที่ปลาขับถ่ายออกมาออกจากตู้ปลา โดยทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะทำให้ปลาที่เลี้ยงมีการเจริญเติบโตรวดเร็ว และยังเป็นการช่วยป้องกันการเกิดโรคระบาดปลา ที่อาจเกิดจากเศษอาหารที่บูดเน่าได้


4 การให้อาหารปลาสวยงาม การเลี้ยงปลาสวยงามก็เหมือนกับการเลี้ยงสัตว์บกโดยทั่วไป คือต้องให้อาหารทุกวัน เพราะปลาสวยงามที่เลี้ยงในตู้ไม่สามารถหาอาหารธรรมชาติกินได้ และยังมีความเคยชินกับการได้รับอาหารทุกวัน ดังนั้นหากปลาถูกปล่อยให้อดอาหารเป็นเวลา 2 - 3 วัน ก็จะทำให้ปลามีสุขภาพเสื่อมโทรมและมักทำอันตรายกันเอง






ปลาสวยงาม

ปลาสวยงาม


ปลานกแก้ว (Parrotfishes) อยู่ในครอบครัว Scaridae โตเต็มที่มีขาดประมาณ 30-70 ซ.ม. อาศัยอยู่ตามแนวปะการังพบได้ในทะเลอ่าวไทยและฝั่งอันดามันที่พบในประเทศมีมากกว่า20สายพันธุ์ กินฟองน้ำปะการังหรือสาหร่ายเป็นอาหาร บ่อยครั้งจะพบรวมฝูงขณะหาอาหาร เวลาว่ายนำจะดูสง่างามเหมือนนกกำลังบินในอากาศ
ปลานกแก้วเป็นปลาที่มีสีสันสวยงาม โดยปลาตัวผู้จะมีสีสันสวยงามปลาตัวเมีย ลำตัวรียาว ส่วนใหญ่มีครีบหางแบบเว้าโดยขอบบนและขอบล่างของครีบหางมักยื่นยาวออก มีฟันคล้ายๆจะงอยปากนกแก้วเพื่อนำมาใช้ขูดกินปะการัง เวลาถ่ายจะถ่ายออกมาเป็นผงตะกอนซึ่งมีประโยชน์ต่อแนวปะการัง สามารถเปลี่ยนเพศได้ เวลานอนปลานกแก้วจะนอนตามซอกหินแล้วปล่อยเมือกออกมาห่อหุ้มร่างกายเพื่อป้องกันอันตรายจากพวกสัตว์ทะเลต่างๆรวมทั้งพวกหนอนพยาธิปรสิตที่จะมาทำร้ายหรือมารบกวน


ปลาแฟนซีคาร์ป (Fancy carp) หรือที่เรียกกันว่าปลาไนแฟนซี ปลาไนสี หรือปลาไนทรงเครื่อง เป็นปลาน้ำจืดในกลุ่มปลาตะเพียน (carp) ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า โคย (Koi) หรือนิชิกิกอย (Nishikigoi) เดิมทีเป็นปลาไนชนิดธรรมดา ซึ่งเป็นปลาน้ำจืดที่พบอยู่ทุกหนทุกแห่งในโลก บริเวณที่ถือว่าเป็นแหล่งดั้งเดิมจริง ๆ ของปลาไนคือประเทศอิหร่านในปัจจุบัน ชาวจีนเป็นชนกลุ่มแรกที่ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับปลาไนเมื่อประมาณ 2,000 ปีมาแล้ว สำหรับประเทศญี่ปุ่น ตามหลักฐานตามประวัติศาสตร์ชิ้นแรกที่มีอยู่เกี่ยวกับ Koi นั้นได้เขียนขึ้นเมื่อประมาณสองร้อยปีหลังคริสต์ศตวรรษ หลักฐานดังกล่าวได้เล่าถึงปลาชนิดนี้ว่ามีสีแดง สีขาว และสีน้ำเงิน ปลาเหล่านี้ชาวญี่ปุ่นนิยมเลี้ยงไว้สำหรับดูเล่น สำหรับประเทศไทย ได้เริ่มมีการเลี้ยงปลาแฟนซีคาร์ป ซึ่งนำมาจากประเทศญี่ปุ่น เมื่อ พ.ศ. 2493 จากนั้นก็มีผู้สั่งปลาเข้ามาเลี้ยงกันมากมายในราคาที่ค่อนข้างสูงได้มีการศึกษาและทดลองเพาะพันธุ์จนประสบความสำเร็จ ยังผลให้การสั่งเข้าปลาแฟนซีคาร์ปลดลง และปลาในประเทศที่มีคุณภาพดีได้รับความนิยมมากขึ้นจนแพร่หลายดังเช่นปัจจุบันปลาแฟนซีคาร์ปจะผสมพันธุ์และวางไข่ในฤดูกาลที่แตกต่างกันแล้วแต่สถานที่ที่ปลาอาศัยอยู่ ฤดูวางไข่ของปลาเหล่านี้ในประเทศญี่ปุ่นจะอยู่ในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศอบอุ่น ส่วนในระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธุ์เป็นช่วงฤดูหนาว ปลาจะไม่เจริญเติบโตและไม่สืบพันธุ์ สำหรับประเทศไทยนั้นปลาแฟนซีคาร์ปสามารถวางไข่ได้ตลอดปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนซึ่งพ่อแม่ปลามีความสมบูรณ์ทางเพศเต็มที่